ไฮไลท์ฟุตบอล อินเตอร์ มิลาน 1-1 นาโปลี วันที่ 10 พ.ย. 67
ไฮไลท์ฟุตบอล อินเตอร์ มิลาน 1-1 นาโปลี วันที่ 10 พ.ย. 6 […]
อลอนโซ่ ด้วยการคุมทีมเรอัล มาดริด ชุดเยาวชน ต่อมาด้วยเรอัล โซเซียดาด เบ นี่คือการปักหมุดเส้นทางสายใหม่ของเขากระทั่งเดือนตุลาคม ปี 2022 เขา ก้าวเข้ามาสู่อีกหนึ่งความท้าทาย ด้วยการรับคุมทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สโมสรชื่อดังจากบุนเดสลีกา เยอรมัน ผลปรากฏว่า เขา นำทัพ “ห้างขายยา” ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเกาะกลุ่มบนของตารางคะแนน พร้อมกับคว้าสิทธิไปเล่นเวทียุโรป ในรายการยูโรป้า ลีก
ส่งผลให้เขาถูกหลายฝ่ายมอบคำชื่นชม ด้วยวัย 41 ปี ทำให้เส้นทางการคุมทีมของเขา ยังเหลืออีกยาวไกล และรอวันให้พิสูจน์ตัวเอง ปูมหลังของเขา เป็นนักฟุตบอลที่เต็มไปด้วยเทคนิค และมีแววการเป็นโค้ชติดตัว ตั้งแต่ที่เขายังเป็นเพียงนักเตะดาวรุ่งแล้ว
ดาวรุ่งอย่างเขา กลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนก เขาแสดงภาวะความเป็นผู้นำออกมา และบอกนักเตะรุ่นใหญ่ด้วยว่า ควรลงมือทำอะไร เพื่อฝ่าวิกฤตินี้ไป นี่คือผู้เล่นหน้าใหม่ ที่กล้าเดินไปบอกเรื่องแท็คติกการเล่นกับบรรดาขาใหญ่ อาทิดาร์โก โควาเซวิช และนิฮัต คาห์เวซี่
อารานซาบัล ย้ำเสมอว่า เขา เป็นนักเตะที่ไม่ได้มีความรวดเร็วมากนัก ดังนั้น เขาจึงพัฒนาตัวเอง แนวทางที่เขามุ่งเน้นคือ “การเข้าใจเกม” เรื่องดังกล่าว ส่งผลให้เขา มีความเป็นกุนซือซึมซับในร่างกาย เกมของเขาขึ้นอยู่กับสติปัญญา นั่นคือการปูทางสู่การคุมทีมในอนาคต
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ดขา เป็นกุนซือหนุ่มไฟแรง ที่เป็นภาพสะท้อนของคนที่ฉลาดเป็นกรด และเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ส่วนสำคัญที่ประกอบร่างเขา นั่นคือการผ่านการเล่นให้กับผู้จัดการทีมระดับโลกหลายคน นี่ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง ในเส้นทางลูกหนังของเขา เพราะหมายถึงการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และบทเรียน ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
เขา เคยเป็นลูกศิษย์ของจอห์น โตแช็ค ซึ่งเป็นกุนซือที่แข็งแกร่งมาก ในเชิงแท็คติก รวมถึงราฟาเอล เบนิเตซ หนึ่งในกุนซือที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ รวมถึงโชเซ่ มูรินโญ่, บิเซนเต้ เดล บอสเก้, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และคาร์โล อันเชล็อตติ สำหรับรายชื่อที่เรากล่าวมาทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นผู้จัดการทีมที่ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ตัวเองอีกแล้ว
ด้วยคุณลักษณะ จุดเด่น และจุดแข็งของกุนซือแต่ละคน ทำให้เขา ซึมซับอะไรหลายอย่าง พร้อมกับนำแท็คติกที่หลากหลาย นำมาเก็บเล็กผสมน้อย ก่อนจะถูกกลั่นกรองออกมาเป็นแนวทางการคุมทีมของตัวเอง เขา เป็นคนที่ออกมายืนยันเรื่องนี้ โดยบอกว่า กุนซือหลายคนที่เขาเคยร่วมงานด้วย กลายมาเป็นอิทธิพลที่สำคัญมาก
นอกเหนือจากความเป็นเลิศด้านการเป็นนักฟุตบอล และการเป็นกุนซือแล้ว หนึ่งสิ่งที่อลอนโซ่ สามารถทำได้ดี นั่นคือการพูดได้หลายภาษา แน่นอนว่า การพูดได้หลายภาษา ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง เพราะมันช่วยทำลายกำแพงด้านการสื่อสารลงไปได้ และช่วยยกระดับทีมในอีกช่องทาง
นอกจากภาษาสเปน เขา ยังพูดภาษาอังกฤษ และเยอรมัน ได้อย่างคล่องปากอีกด้วย ส่วนสำคัญคือ เขาผ่านการค้าแข้งในลีกสูงสุดของประเทศเหล่านี้ อย่าลืมว่า อดีตนักฟุตบอลชื่อดังหลายคน ที่ผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีม กลับไปไม่รอดในเส้นทางสายนี้ เนื่องจากอุปสรรคด้านการสื่อสาร
การพูดได้หลายภาษา ช่วยให้การสื่อสาร และการถ่ายทอดปรัชญาลูกหนังไปยังบรรดาลูกทีม กลายเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น สำหรับปรัชญาการคุมทีมของเขา ไม่มีอะไรซับซ้อน ทุกอย่างสะท้อนออกมา เหมือนสมัยที่เล่นฟุตบอลอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ช่องทางติดตาม
เว็บไซต์ : บอลติดจอ
แฟนเพจเฟสบุ๊ค : บอลติดจอ
ช่องยูทูป : Sports7m
ช่อง tiktok : Ball_tidjor
Line Official : @Sports7m
ไฮไลท์ฟุตบอล อินเตอร์ มิลาน 1-1 นาโปลี วันที่ 10 พ.ย. 6 […]