อาร์เตต้า ยืนหยัดเรียกร้องการตัดสินที่โปร่งใส

อาร์เตต้า ยืนหยัดเพื่อปกป้องความเชื่อของเขาในการเรียกร้องการตัดสินที่โปร่งใส หลังจากที่ได้วิพากย์วิจารณ์การทำงานของผู้ตัดสินหลังเกมกับ นิวคาสเซิ่ล

มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซนอล ได้เผยถึงความอับอายที่เกิดขึ้นจากการตัดสินในเกมดังกล่าว ที่ยืนยันให้ประตูของ แอนโธนี่ กอร์ดอน เป็นประตูในเกมดังกล่าว ต่อมาทางคณะผู้บริหารของ ลีกเอฟเอ ได้ส่งจดหมายถึง สโมสร อาร์เซนอล เพื่อแจ้งเกี่ยวกับพฤติกรรมของทีม หลังจากที่พวกเขามีความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการกำหนดลงโทษใดๆต่อผู้จัดการทีม อาร์เซนอล ในขณะนี้

อาร์เตต้า ยืนหยัดเรียกร้องการตัดสินที่โปร่งใส

อาร์เตต้า ได้ออกมาเหน็บแนมว่า ตนคงจะแก่ไปแล้วกว่าทาง วีเออาร์ จะทำการแก้ไข หลังจากที่เขาไม่พอใจกับการทำหน้าที่ของทีมผู้ตัดสินในวันที่อาร์เซนอลแพ้ให้กับนิวคาสเซิ่ล

ในเกมลีกนัดล่าสุดของ อาร์เซน่อล ที่ได้แพ้ให้กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1 โดยได้มีประเด็นให้พูดถึงกันเป็นอย่างมาก เพราะทาง ปืนใหญ่ ไม่พอใจกับการตัดสินของทั้งกรรมการและทางทีมงาน วีเออาร์ ที่ยังยืนกรานให้ “สาลิกาดง” ได้ประตูไป โดยที่อาร์เตต้าถึงขั้นพูดจาด่าฝั่งกรรมการอย่างรุนแรง ซึ่งมันทำให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับการแก้ไขการทำงานของ วีเออาร์ ตามไปด้วย หลังจากซีซั่นนี้ได้มีประเด็นปัญหาด้านการตัดสินให้พูดถึงเยอะพอตัว

อาร์เตต้าได้พูดว่า “ผมคงจะแก่จนหัวล้านในอีก 10 ปีหลังจากนี้ ชีวิตมันคงจะต่างไปจากเดิมมากๆ และเราก็อาจจะมีกฎใหม่ๆ ในวงการฟุตบอลหลายข้อด้วย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง เอาเป็นว่ามาพยายามทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อทำให้วงการนี้มันดีขึ้นในทุกด้านกันดีกว่า”

“นี่คือสาเหตุที่ผมจึงต้องยืนกรานแบบเดิมๆ อยู่ตลอด ซึ่งผมกำลังพยายามพูดทุกอย่างด้วยความสัตย์จริง และผมก็มีความชัดเจนมาโดยตลอด ผมแสดงออกด้วยความซื่อตรง และปกป้องความเชื่อของตัวเองอยู่เสมอ แล้วผมก็หวังว่า ผมจะไม่เจอกับปัญหาจากการให้สัมภาษณ์เรื่องแบบนี้นะ เรื่องนี้มันสามารถทำได้ดีอย่างสร้างสรรค์ และเราสามารถพัฒนามันต่อไปได้”

ในวันศุกร์ที่ผ่านมา เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีม เวสต์แฮม ได้แสดงความเห็นว่า เขาคงไม่กล้าที่จะวิจารณ์การทำงานของผู้ตัดสิน เนื่องจากจะมีความเสี่ยงที่เขาจะถูกลงโทษในที่สุด ซึ่งอาร์เตต้าก็ได้ยืนยันที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้การตัดสินที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นมีความโปร่งใส และเปิดเผยต่อสาธารณะได้อย่างชัดเจน

อาร์เตต้าพูดว่า “เขาเป็นคนสก็อต ส่วนผมเป็นชาวบาสก์ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ธรรมชาติของผมอย่างแน่นอน แต่เขาสามารถที่จะเรียนรู้มันได้เสมอ แต่เดวิดนั้นเป็นผู้จัดการทีมที่ฉลาด และมีประสบการณ์มาก และถ้าหากเขาทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมา มันจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน”

ซึ่งอาร์เตต้าก็ได้กล่าวทิ้งท้ายเกี่ยวกับสถานการณ์ของ อารอน แรมสเดล พร้อมกับตอบเกี่ยวกับโอกาสในการย้ายทีมของนักเตะ แรมสเดล ตกเป็นนายทวารสำรองของทีมแล้วในฤดูกาลนี้ จากการเข้ามาของ ดาบิด ราย่า นายทวารทีมชาติสเปน ที่ยึดตัวจริงในเกมพรีเมียร์ ลีก อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ แรมสเดล ได้รับโอกาสลงเล่นในคาราบาว คัพ ที่ก็ตกรอบไปแล้วในเกมล่าสุดจากความพ่ายแพ้ต่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

โดยก่อนหน้านี้จากที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่ทีมชาติอังกฤษ ได้ออกมากล่าวยอมรับว่า หากแรมสเดลยังคงไม่ได้รับโอกาสลงเล่น การเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในช่วงกลางปีหน้า ก็อาจจะมีปัญหาสำหรับแรมสเดลได้