หงส์แดง ได้กล่าวโดยทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งจะได้ตัว วาตารุ เอ็นโดะ กองกลางชาวญี่ปุ่นมาร่วมทัพเรียบร้อยแล้ว นักเตะยังไม่สามารถลงสนามได้
หงส์แดง ได้กล่าวในแมตช์เปิดรังแอนฟิลด์รับมือ บอร์นมันธ เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคมนี้ นั่นหมายความว่านายใหญ่ชาวเยอรมัน จำเป็นต้องใช้ขุมกำลังที่มีอยู่ในการดวลกับ “เดอะ เชอร์รี่ส์””เดอะ เร้ดส์” เปิดซีซั่นด้วยการบุกแบ่งแต้มกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี
หงส์แดง บอกโดยพวกเขาต้องการชัยชนะอย่างมากเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ และความเชื่อมั่นในเกมพบ บอร์นมัธ อย่างไรก็ตามปัญหาที่ คล็อปป์ ต้องจัดการก็คือการวางแท็คติดในแผงมิดฟิลด์
เพราะนี่คือตำแหน่งที่ทีมยังคงต้องปรับแก้ แม้ว่า หงส์จะได้ตัว เอ็นโดะ มาจาก สตุ๊ตการ์ท แล้วก็ตาม แต่นักเตะยังติดเรื่องใบอนุญาตทำงาน หรือเวิร์ก เพอร์มิต ด้วยเหตุนี้ คล็อปป์ จึงต้องหาทางออกในแดนกลางด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเลือกให้โอกาสทีมชุดเดิมในแมตช์นี้
ผู้รักษาประตู : อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารชาวบราซิเลียน ยังคงเป็นแข้งสำคัญของทีม โดยเฉพาะในแมตช์เยือน เชลซี ถ้าหากไม่ได้ “พ่อหมี” ช่วยเซฟจังหวะสำคัญงานนี้เหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” คงได้เห็นทีมรักกลับบ้านมือเปล่าแน่นอน ฉะนั้น คล็อปป์ ไม่มีทางที่จะปรับเปลี่ยนนายทวารชัวร์ ยกเว้น อลีสซง จะดวงแตกได้รับบาดเจ็บ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดวงแตกๆ สุด นอกจากนี้ความสามารถในการเล่นใช้เท้า กับการเปิดเกมเร็ว อาจจะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการดวลกับ บอร์นมัธ ซึ่งคาดว่าคงจะมาเล่นตั้งรับลึก และรอสวนกลับ
กองหลัง : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สำหรับตำแหน่งแบ็กโฟร์ แน่นอนว่า คล็อปป์ ไม่มีทางเลือกเพราะทรัพยากรที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด โดยตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กยังคงเป็นหน้าที่ของ โกนาเต้ และ ฟาน ไดค์
โดยพวกเขาถือว่ายังทำผลงานได้น่าพอใจ แต่ที่น่าห่วงก็คือถ้าคนใดคนหนึ่งบาดเจ็บ บอกเลยว่างานเข้า เพราะ โฌเอล มาติป กับ โจ โกเมซ ไม่สามารถไว้วางใจได้เลย ขณะที่สองฟูลแบ็กเป็นหน้าที่ของ “หนุ่มเทรนต์” กับ โรเบิร์ตสัน อย่างไรก็ตาม กุนซือชาวด๊อยท์ช คงจะใช้งาน “ท่านรอง” ในตำแหน่ง “อินเวิร์ต ฟูลแบ็ก” เพื่อเป็นกำลังในเกมบุก เพราะวิสัยทัศน์ในการวางบอล และศักยภาพในการเล่นลูกตั้งเตะอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้
กองกลาง : โคดี้ กัคโป, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิค โซโบซไล แม็ค อัลลิสเตอร์ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพในการครองบอล คุมจังหวะเกม และการวางบอลที่แม่นยำในเกมพบ เชลซี แต่เขาไม่ใช่ผู้เล่นโฮลดิ้ง มิดฟิลด์โดยธรรมชาติ แต่ด้วยการที่ทีมยังไม่สามารถส่ง เอ็นโดะ ลงสนามได้ กอปรกับเคอร์ติส โจนส์ ยังฟอร์มไม่คงเส้นคงวา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ สตาร์แชมป์โลก ต้องสวมบทแข้งเบอร์ 6 ต่อไปอีกเกม
ขณะที่ กัคโป จำเป็นต้องถอยลงมาเล่นกองกลางแม้ว่าจะเป็นการลดทอนประสิทธิภาพของเขาไปบ้าง แต่ด้วยศักยภาพของเขาน่าจะช่วยให้เกมรุกของ ลิเวอร์พลู จัดจ้านมากขึ้น เพราะทีมเยือนคงมาเล่นแบบเน้นเกมรับ ฉะนั้นความสามารถเฉพาะตัวของ ดาวเตะชาวดัตช์ จึงน่าจะสร้างความแตกต่างได้มาก
ส่วน โซโบซไล ตอนนี้สามารถปรับตัวกับเกมลีกอังกฤษได้แล้ว งานนี้ผลงานของเขาถือว่าเป็นอีกกำลังสำญที่จะทำให้แผงมิดฟิลด์ของทีมแข็งแกร่งที่สุด อย่างไรก็ตามหากเกิดกรณีที่ทีมจำเป็นต้องกาความแตกต่าง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ น่าจะถูกส่งลงมาเพื่อเพิ่มความจี๊ดจ๊าดในแนวรุกมากยิ่งขึ้น
กองหน้า : หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์สำหรับในส่วนของกองหน้า งานนี้ คล็อปป์ มีสองตัวหลักอยู่ในใจแล้วนั่นก็คือ ดิอาซ กับ ซาลาห์ ส่วนหน้าเป้าคือจุดที่ยังต้องหาความลงตัวต่อไป เพราะการที่จับ กัคโป ไปยืนตรงกลาง นั่นทำให้ทีมเหลือทางเลือกแค่ ดีโอโก้ โชต้า กับ นูนเญซ
โดยในรายของดาวเตะชาวโปรตุกีส ได้รับโอกาสทำหน้าที่แข้งเบอร์ 9 ไปแล้วในเกมเสมอ เชลซี และนักเตะไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ ขณะที่ นูนเญซ ถือว่าโชว์ฟอร์มได้อันตรายเลยทีเดียวทั้งๆ ที่มีเวลาอยู่ในสนามไม่นาน ฉะนั้นในเกมกับ บอร์นมัธ มีความเป็นไปได้สูงที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน จะหันไปลองใช้งาน กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ลงตัวจริง เพราะหากมองในแง่บวกด้วยการที่เกมรับของทีมเยือนไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก การใช้ศักยภาพของ นูนเญซ น่าจะเป็นทางออกที่ดีทั้งกับสโมสรและตัวนักเตะ